5108 Views |
กาแฟเป็นพืชเครื่องดื่มที่สำคัญ ซึ่งนิยมดื่มเพื่อเพิ่มความกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเป่าให้ร่างกาย ซึ่งโดยประมาณ ประชากรโลก จะบริโภคกาแฟวันละ 1,000 ล้านถ้วย เป็นอย่างน้อย กาแฟที่นำมาทำเชิงพาณิชย์ มีอยู่ 2 สายพันธ์คือ 1.กาแฟอาราบีก้า (Arabica) มีปริมาณคาเฟอีนต่ำเพียง 0.8-1.5% ต่อน้ำหนักเมล็ด รสชาติหอม กลมกล่อม นุ่มนวล ปลูกบนพื้นที่ราบสูง บริเวณจังหวัดภาคเหนือของไทย 2.กาแฟโรบัสต้า (Robusta) มีปริมาณคาเฟอีนสูง 4.0-6.0% ต่อน้ำหนักเมล็ด รสชาติขมอมเปรี้ยว กลิ่นไม่หอม ไม่กลมกล่อม มีความเข้มข้น ให้น้ำหนักกาแฟมาก ปลูกบนพื้นที่ราบ บริเวญจังหวัดภาคใต้ของไทยกาแฟอาราบีก้า สายพันธ์แรกที่ปลูกบนพื้นแผ่นดินไทย ประเทศปาปัวนิวกินี คือ ที่มาของกาแฟอาราบีก้า สายพันธ์แรกของไทย เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมราษฎร ที่หมู่บ้านมูเซอส้มป่อย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ท่าน ได้ทรงมองเกษตรธรรมชาติของพืชเศรษฐกิจทางเกษตรกรรมอย่างเช่น กาแฟ ที่ให้ผลผลิตได้อย่างเพียงพอ สามารถส่งเสริมรายได้ ตลอดจนสภาพแวดล้อมธรรมชาติด้วย ทรงมีกระแสรับสั่งว่า“พื้นที่บริเวณนี้ กาแฟน่าจะปลูกได้เหมาะ จึงขอให้ช่วยแนะนำชาวเขาให้มีการปลูกกาแฟที่ถูกต้อง และให้มีการจัดการที่ดี และพันธ์กาแฟที่จะส่งเสริมให้ชาวเขาปลูก ควรจะเป็นพันธ์ที่แตกต่างจากภาคใต้”ด้วยเหตุนี้ กาแฟโครงการหลวง ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร จึงได้เริ่มศึกษาวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับกาแฟอาราบีก้าสายพันธ์ มัลติเมอร์ (Baltimore) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาหาสายพันธุ์กาแฟอาราบีก้าที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและโรคราสนิมที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย โดยให้ชาวไทยภูเขาเริ่มทดลองปลูกบนพื้นที่สูง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 ซึ่งปรากฎว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาปลูกกาแฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กาแฟของ LKS food ได้น้อมรับการเป็นส่วนหนึ่งในการนำกาแฟ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ โดยการสนับสนุน พัฒนา เข้าร่วมดำเนินการปลูกกาแฟ และประกันการรับซื้อในพื้นที่โครงการหลวง เช่น โครงการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง, โครงการภูฟ้าพัฒนา และโครงการพัฒนาความมั่นคงพื้นที่ จังหวัดน่าน |